12/07/2007
ข่าวบันเทิง
'แดน-บีม' ทัวร์แดนปลาดิบ ย้อนวันวานที่ 'โตเกียว ดิสนีย์แลนด์' [7 ธ.ค. 50 - 00:29]
ขอเม้าท์ว่าสนุกสุดฤทธิ์ ใกล้ชิดสุดๆ หลังไปตะลุยแดนปลาดิบกับ แดน-บีม 2 ศิลปินสุดฮอต ค่ายอาร์เอส ที่อาสาเป็นไกด์ พาลูกค้า วัน-ทู-คอล! 20 ท่าน ใน แคมเปญ “ตะลุยญี่ปุ่นกับแดน-บีม ผ่านบริการโมบายโลฟ์ มิวสิค *900” ท่องเมืองญี่ปุ่นด้วยกัน
2 หนุ่มดูจะตื่นเต้นสุดๆกับภารกิจ “ไกด์ สมัครเล่น” รีบพาลูกทัวร์ลุยโตเกียว ชมการแสดง ซามูไร, วัฒนธรรมเกอิชา ที่ โรงถ่ายภาพยนตร์โตเอะ ก่อนเปลี่ยน บรรยากาศไปนั่งรถไฟ โรแมนติก “โตร็อคโกะ เทรน” ตามด้วย “ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ” ระทึกกับภาพยนตร์ 3 มิติเรื่อง เทอร์มิ-เนเตอร์, ล่องเรือย้อนยุคสัตว์ ดึกดำบรรพ์ วู้! ตื่นเต้นสุดๆ ส่วนสถานที่ที่ทั้ง คณะต่างยกนิ้วว่า “สนุก สุดยอด” ก็ตอนได้ย้อนวันวานที่ดินแดน แห่งจินตนาการ “โตเกียว ดิสนีย์แลนด์” ก่อนปิดทริปอย่างสวยงามด้วยการไปนมัสการเจ้าแม่ กวนอิมทองคำที่วัด อาซากุซะ ขอพรให้“สมหวัง” ดังใจในทุกๆเรื่อง!
ขอเม้าท์ว่าสนุกสุดฤทธิ์ ใกล้ชิดสุดๆ หลังไปตะลุยแดนปลาดิบกับ แดน-บีม 2 ศิลปินสุดฮอต ค่ายอาร์เอส ที่อาสาเป็นไกด์ พาลูกค้า วัน-ทู-คอล! 20 ท่าน ใน แคมเปญ “ตะลุยญี่ปุ่นกับแดน-บีม ผ่านบริการโมบายโลฟ์ มิวสิค *900” ท่องเมืองญี่ปุ่นด้วยกัน
2 หนุ่มดูจะตื่นเต้นสุดๆกับภารกิจ “ไกด์ สมัครเล่น” รีบพาลูกทัวร์ลุยโตเกียว ชมการแสดง ซามูไร, วัฒนธรรมเกอิชา ที่ โรงถ่ายภาพยนตร์โตเอะ ก่อนเปลี่ยน บรรยากาศไปนั่งรถไฟ โรแมนติก “โตร็อคโกะ เทรน” ตามด้วย “ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ” ระทึกกับภาพยนตร์ 3 มิติเรื่อง เทอร์มิ-เนเตอร์, ล่องเรือย้อนยุคสัตว์ ดึกดำบรรพ์ วู้! ตื่นเต้นสุดๆ ส่วนสถานที่ที่ทั้ง คณะต่างยกนิ้วว่า “สนุก สุดยอด” ก็ตอนได้ย้อนวันวานที่ดินแดน แห่งจินตนาการ “โตเกียว ดิสนีย์แลนด์” ก่อนปิดทริปอย่างสวยงามด้วยการไปนมัสการเจ้าแม่ กวนอิมทองคำที่วัด อาซากุซะ ขอพรให้“สมหวัง” ดังใจในทุกๆเรื่อง!
ข่าวไม่ดี
มือมีดจนมุม ตร. แทงดต.-ลูกดับ [7 ธ.ค. 50 - 10:03]
จากเหตุการณ์ 2 วัยรุ่นอำมหิตเข้าไปเที่ยวที่ร้านคาราโอเกะและบ่อตกปลาชื่อร้าน “บ่อตกปลาจ่าทร” ตั้งอยู่ เลขที่ 550 หมู่ 6 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล ก่อนเมาไล่ทำร้ายสาวเสิร์ฟในร้าน ก่อนใช้มีดแทง ด.ต.สุนทร สังข์แก้ว อายุ 42 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ควนโดน จ.สตูล เจ้าของร้าน ที่เข้าไปขวางเสียชีวิต ขณะที่ น.ส.อธิษา สังข์แก้ว อายุ 20 ปี ลูกสาวของ ด.ต.สุนทร วิ่งไปช่วยพ่อกลับถูกแทงสวนสิ้นใจตายไปอีกคน เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ธ.ค. นั้น
ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.ต.เสรี วิไลลักษณ์ ผบก.ภ.จ.สตูล นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.สตูล ร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองสตูล และตำรวจ สภ.ท่าแพ จ.สตูล เข้าปิดล้อมจับกุมนายเอก (นามสมมติ) อายุ 15 ปี 1 ในคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุได้ที่บ้านหมู่ 3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ พร้อมยึดของกลางรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน กธง 4 สตูล เป็นรถของนายเอก โดยมีพยานระบุว่าเป็นรถ จยย.ที่คนร้ายใช้ขี่ออกจากร้านในวันเกิดเหตุ จากการสอบสวนนายเอกให้การซัดทอดว่า ร่วมกับเพื่อนรุ่นพี่คือนายอับดุลหาหมีด ยะรัง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ปี หมู่ 3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ จ.สตูลโดยนายอับดุลหาหมีดเป็นคนใช้มีดแทงผู้ตายทั้ง 2 ศพ
หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปติดตามจับกุมนายอับดุลหาหมีดที่บ้าน แต่ไม่พบ กระทั่งทราบจากพยานว่าคนร้ายหนีไปกบดานอยู่ในสวนยางพารา หมู่ 3 ต.สะพานไม้แก่น อ.จะนะ จ.สงขลา จึงประสานตำรวจ สภ.จะนะ เข้ารวบตัวขณะนอนพักผ่อนอยู่ในขนำกลางสวนยาง พร้อมมีดปลายแหลมสแตนเลส ยาว 13 นิ้ว 1 เล่ม เสื้อยืดสีขาวลายนกอินทรี 1 ตัว เสื้อแจ็กเกตยีน 1 ตัว กางเกงยีนมีรอยคราบเลือดติดอยู่ 1 ตัว และรองเท้าผ้าใบสีดำ 1 คู่ โดยเสื้อผ้าและรองเท้าทั้งหมดเป็นชุดที่นายอับดุลหาหมีดสวมใส่ในวันเกิดเหตุ จากนั้นนำตัวกลับมาสอบสวนทันที
นายอับดุลหาหมีดให้การรับสารภาพว่า เป็นคนใช้มีดแทง ด.ต.สุนทรและลูกสาว สาเหตุมาจากขณะเข้าไปนั่งในร้านดังกล่าวได้เรียก น.ส.ต้า ไม่ทราบนามสกุล เด็กนั่งดริงก์มาคุยด้วย แต่พอใกล้ถึงเวลาร้านปิด น.ส.ต้ากลับไม่ยอมคุยด้วย ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว ทำให้โมโหเข้าไปทำร้าย แต่ น.ส.ต้าวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือ ด.ต.สุนทร เจ้าของร้าน อีกทั้งตนเข้าใจว่า ด.ต.สุนทรจะเข้าทำร้าย เลยตัดสินใจใช้มีดแทงไป 1 ครั้ง จนถึงแก่ความตาย จากนั้นหันไปแทง น.ส.อธิษาที่เข้าไปช่วย ด.ต.สุนทร หลังก่อเหตุแยกย้ายไปกบดานที่ อ.จะนะ จ.สงขลา และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว
จากเหตุการณ์ 2 วัยรุ่นอำมหิตเข้าไปเที่ยวที่ร้านคาราโอเกะและบ่อตกปลาชื่อร้าน “บ่อตกปลาจ่าทร” ตั้งอยู่ เลขที่ 550 หมู่ 6 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล ก่อนเมาไล่ทำร้ายสาวเสิร์ฟในร้าน ก่อนใช้มีดแทง ด.ต.สุนทร สังข์แก้ว อายุ 42 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ควนโดน จ.สตูล เจ้าของร้าน ที่เข้าไปขวางเสียชีวิต ขณะที่ น.ส.อธิษา สังข์แก้ว อายุ 20 ปี ลูกสาวของ ด.ต.สุนทร วิ่งไปช่วยพ่อกลับถูกแทงสวนสิ้นใจตายไปอีกคน เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ธ.ค. นั้น
ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.ต.เสรี วิไลลักษณ์ ผบก.ภ.จ.สตูล นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.สตูล ร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองสตูล และตำรวจ สภ.ท่าแพ จ.สตูล เข้าปิดล้อมจับกุมนายเอก (นามสมมติ) อายุ 15 ปี 1 ในคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุได้ที่บ้านหมู่ 3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ พร้อมยึดของกลางรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน กธง 4 สตูล เป็นรถของนายเอก โดยมีพยานระบุว่าเป็นรถ จยย.ที่คนร้ายใช้ขี่ออกจากร้านในวันเกิดเหตุ จากการสอบสวนนายเอกให้การซัดทอดว่า ร่วมกับเพื่อนรุ่นพี่คือนายอับดุลหาหมีด ยะรัง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ปี หมู่ 3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ จ.สตูลโดยนายอับดุลหาหมีดเป็นคนใช้มีดแทงผู้ตายทั้ง 2 ศพ
หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปติดตามจับกุมนายอับดุลหาหมีดที่บ้าน แต่ไม่พบ กระทั่งทราบจากพยานว่าคนร้ายหนีไปกบดานอยู่ในสวนยางพารา หมู่ 3 ต.สะพานไม้แก่น อ.จะนะ จ.สงขลา จึงประสานตำรวจ สภ.จะนะ เข้ารวบตัวขณะนอนพักผ่อนอยู่ในขนำกลางสวนยาง พร้อมมีดปลายแหลมสแตนเลส ยาว 13 นิ้ว 1 เล่ม เสื้อยืดสีขาวลายนกอินทรี 1 ตัว เสื้อแจ็กเกตยีน 1 ตัว กางเกงยีนมีรอยคราบเลือดติดอยู่ 1 ตัว และรองเท้าผ้าใบสีดำ 1 คู่ โดยเสื้อผ้าและรองเท้าทั้งหมดเป็นชุดที่นายอับดุลหาหมีดสวมใส่ในวันเกิดเหตุ จากนั้นนำตัวกลับมาสอบสวนทันที
นายอับดุลหาหมีดให้การรับสารภาพว่า เป็นคนใช้มีดแทง ด.ต.สุนทรและลูกสาว สาเหตุมาจากขณะเข้าไปนั่งในร้านดังกล่าวได้เรียก น.ส.ต้า ไม่ทราบนามสกุล เด็กนั่งดริงก์มาคุยด้วย แต่พอใกล้ถึงเวลาร้านปิด น.ส.ต้ากลับไม่ยอมคุยด้วย ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว ทำให้โมโหเข้าไปทำร้าย แต่ น.ส.ต้าวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือ ด.ต.สุนทร เจ้าของร้าน อีกทั้งตนเข้าใจว่า ด.ต.สุนทรจะเข้าทำร้าย เลยตัดสินใจใช้มีดแทงไป 1 ครั้ง จนถึงแก่ความตาย จากนั้นหันไปแทง น.ส.อธิษาที่เข้าไปช่วย ด.ต.สุนทร หลังก่อเหตุแยกย้ายไปกบดานที่ อ.จะนะ จ.สงขลา และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว
ข่าวสมควรระวัง
รวบหนุ่ม ขยี้สวาท เด็ก12ปี [7 ธ.ค. 50 - 04:36]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.ท.ปัญญา ชะเอมเทศ สว.กก.1 บก.ปดส.และฝ่ายสืบสวน บก.ปดส. จับกุมนายรังสรรค์ เจริญสุข อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/4 หมู่ 1 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมถุงยางอนามัย 1 กล่อง และแผ่นซีดีลามกจำนวนหนึ่ง ขณะอยู่ในห้องพักเลขที่ 5 โรงแรมแมกซ์อิน เลขที่ 68/19 หมู่ 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี ด.ญ.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านชานเมือง อยู่ภายในห้อง และชี้ให้จับกุม
สืบเนื่องมาจากวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา มูลนิธิกระจกเงา ได้นำตัว ด.ญ.แก้ว เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปดส. แจ้งว่าเป็นเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากนายรังสรรค์ พนักงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ที่รู้จักผ่านระบบสายด่วนแชตไลน์ เบื้องต้นเด็กหญิงผู้เสียหายให้การว่า ถูกหลอก ไปร่วมหลับนอนมาแล้ว 3 ครั้ง ได้เงินครั้งละ 300-400 บาท ระหว่างสอบปากคำอยู่ ปรากฏว่านายรังสรรค์ ติดต่อให้ ด.ญ.แก้วไปพบที่โรงแรมแมกซ์อิน ย่านลำลูกกา เพื่อร่วมหลับนอนอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนให้ ด.ญ.แก้วไปรออยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่งใกล้เคียงโรงแรมแมกซ์อิน จนกระทั่งนายรังสรรค์หลงกลมารับ ด.ญ.แก้ว เข้าไปที่ห้องพักในโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมพร้อมแจ้งข้อหา พาบุคคลอายุ ไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เบื้องต้นนายรังสรรค์ให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.ท.ปัญญา ชะเอมเทศ สว.กก.1 บก.ปดส.และฝ่ายสืบสวน บก.ปดส. จับกุมนายรังสรรค์ เจริญสุข อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/4 หมู่ 1 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมถุงยางอนามัย 1 กล่อง และแผ่นซีดีลามกจำนวนหนึ่ง ขณะอยู่ในห้องพักเลขที่ 5 โรงแรมแมกซ์อิน เลขที่ 68/19 หมู่ 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี ด.ญ.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านชานเมือง อยู่ภายในห้อง และชี้ให้จับกุม
สืบเนื่องมาจากวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา มูลนิธิกระจกเงา ได้นำตัว ด.ญ.แก้ว เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปดส. แจ้งว่าเป็นเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากนายรังสรรค์ พนักงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ที่รู้จักผ่านระบบสายด่วนแชตไลน์ เบื้องต้นเด็กหญิงผู้เสียหายให้การว่า ถูกหลอก ไปร่วมหลับนอนมาแล้ว 3 ครั้ง ได้เงินครั้งละ 300-400 บาท ระหว่างสอบปากคำอยู่ ปรากฏว่านายรังสรรค์ ติดต่อให้ ด.ญ.แก้วไปพบที่โรงแรมแมกซ์อิน ย่านลำลูกกา เพื่อร่วมหลับนอนอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนให้ ด.ญ.แก้วไปรออยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่งใกล้เคียงโรงแรมแมกซ์อิน จนกระทั่งนายรังสรรค์หลงกลมารับ ด.ญ.แก้ว เข้าไปที่ห้องพักในโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมพร้อมแจ้งข้อหา พาบุคคลอายุ ไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เบื้องต้นนายรังสรรค์ให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีต่อไป
ข่าว เช้านี้1
ถอยรถ ทับหัวลูก1ขวบ ดับสลด [7 ธ.ค. 50 - 04:31]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.ต.วินัย ตระกูลไทย สารวัตรเวร สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รับแจ้งจากโรงพยาบาลบ้านบึงว่ามีเด็กถูกรถทับมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จึงเดินทางไปสอบสวน พบร่างเด็กหญิงเคราะห์ร้ายนอนตายอย่างน่าเวทนา ทราบชื่อ ด.ญ.บชกร แซ่ลิ้ม อายุ 1 ขวบ 7 เดือน อยู่บ้านเลขที่ 80/1 หมู่ 1 ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี สภาพคอหัก กะโหลกแตก บริเวณใบหน้ามีรอยดอกยางรถยนต์ติดอยู่อย่างเห็นได้ชัด ข้างศพมีนายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม อายุ 31 ปี และนางสุวรรณ ปันไธสง อายุ 25 ปี พ่อแม่ของ ด.ญ.บชกร ร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุหลังกินข้าวกินปลาเรียบร้อยแล้วนายสมศักดิ์ได้เดินออกจากบ้านไปถอยรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน บบ 4706 ชลบุรี ที่จอดไว้หน้าบ้านเพื่อจะขับไปทำงานรับจ้างทาสีบ้าน ส่วนนางสุวรรณ ภรรยาป้อนข้าวลูกสาวอยู่ในบ้าน ปรากฏว่าขณะถอยรถได้ยินเสียงดังเหมือนกับล้อรถทับสิ่งของบางอย่าง จึงจอดรถลงไปดูแทบช็อกพบร่างลูกสาวถูกล้อหลังด้านซ้ายทับศีรษะคาอยู่ โดยไม่รู้ว่าลูกออกมานั่งเล่นใต้ท้องรถตอนไหน จึงรีบขับรถเดินหน้าเรียกภรรยาที่อยู่ในบ้านพาลูกสาวไปส่งโรงพยาบาล
อุบัติเหตุสยองอีกราย เปิดเผยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.ต.พศวัต ศิริพรนพคุณ สารวัตรเวร สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุรถทัวร์ชนรถ จยย.มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณถนนสายบ้านบึง-แกลง บริเวณหน้าศูนย์โชว์รูมรถอีซูซุ หมู่ 7 ต.บ้านบึง จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบศพ ด.ญ.กุลอนันท์ มณฑา อายุ 8 เดือน สภาพนอนหงายศีรษะถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนกะโหลกยุบ เลือดไหลออกทางจมูก ใกล้กันพบรถ จยย.ซูซูกิ สีแดง สภาพเก่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มตะแคงอยู่ริมถนน บริเวณท้ายรถ จยย.มีรอยถูกชนจนพัง โดยมีขวดนม ถุงขนม และของใช้เด็กตกกระจายเต็มถนน
ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถทัวร์สายจันทบุรี-กรุงเทพฯ หมายเลขทะเบียน 12-5777 กรุงเทพมหานคร จอดชิดริมถนนด้านซ้ายหันหน้าไปทาง จ.ชลบุรี โดยมีนายไสว ต้มทอง อายุ 47 ปี คนขับรถทัวร์ ยืนรออยู่ข้างรถจึงคุมตัวไว้สอบสวน ขณะเดียวกัน ทราบจากชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน มีพลเมืองดี ช่วยนำส่งโรงพยาบาลบ้านบึงไปก่อนแล้ว ทราบชื่อนายเล็ก มณฑา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/3 หมู่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และนางเสือน ดวงใจ อายุ 39 ปี ทั้ง 2 เป็นพ่อและแม่ของ ด.ญ.กุลอนันท์ สภาพเนื้อตัวทั้งคู่ มีแผลถลอกเต็มไปหมด
ด้าน พ.ต.ต.พศวัต ศิริพรนพคุณ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพยาน ทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายเล็ก ขี่รถ จยย.คันดังกล่าวพานางเสือน ภรรยา ไป เยี่ยมลูกชายอีกคนที่นอนป่วยเป็นไข้เลือดออกอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านบึง โดยให้นางเสือนอุ้ม ด.ญ.กุลอนันท์ ลูกสาวคนเล็กนั่งซ้อนท้ายไปด้วย ระหว่างวิ่งไปตามถนนสายดังกล่าว ถึงที่เกิดเหตุนายเล็กเลี้ยวจากเลนซ้ายไปติดทางด้านขวาเพื่อจะตัดข้ามร่องถนนไปทางถนนฝั่งตรงข้ามเพื่อจะเลี้ยวไปทางซอยลัดเข้าตลาดบ้านบึง โดยมองไม่เห็นรถทัวร์ที่วิ่งตามหลังมาติดๆ ทำให้โชเฟอร์รถทัวร์รีบหักพวงมาลัยหลบจนเสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าก่อนแฉลบไปชนท้ายรถ จยย.อย่างจัง เป็นเหตุให้ 3 พ่อแม่ลูกกระเด็นตกรถ เคราะห์ร้ายศีรษะของ ด.ญ.กุลอนันท์กระแทกพื้นถนน สิ้นใจอนาถ
ต่อมาเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลบ้านบึงว่านางเสือน แม่ ด.ญ.กุลอนันท์ได้เสียชีวิตลงแล้ว เนื่องจากผลการเอกซเรย์ พบซี่โครงหักและอวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับญาติพี่น้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.ต.วินัย ตระกูลไทย สารวัตรเวร สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รับแจ้งจากโรงพยาบาลบ้านบึงว่ามีเด็กถูกรถทับมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จึงเดินทางไปสอบสวน พบร่างเด็กหญิงเคราะห์ร้ายนอนตายอย่างน่าเวทนา ทราบชื่อ ด.ญ.บชกร แซ่ลิ้ม อายุ 1 ขวบ 7 เดือน อยู่บ้านเลขที่ 80/1 หมู่ 1 ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี สภาพคอหัก กะโหลกแตก บริเวณใบหน้ามีรอยดอกยางรถยนต์ติดอยู่อย่างเห็นได้ชัด ข้างศพมีนายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม อายุ 31 ปี และนางสุวรรณ ปันไธสง อายุ 25 ปี พ่อแม่ของ ด.ญ.บชกร ร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุหลังกินข้าวกินปลาเรียบร้อยแล้วนายสมศักดิ์ได้เดินออกจากบ้านไปถอยรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน บบ 4706 ชลบุรี ที่จอดไว้หน้าบ้านเพื่อจะขับไปทำงานรับจ้างทาสีบ้าน ส่วนนางสุวรรณ ภรรยาป้อนข้าวลูกสาวอยู่ในบ้าน ปรากฏว่าขณะถอยรถได้ยินเสียงดังเหมือนกับล้อรถทับสิ่งของบางอย่าง จึงจอดรถลงไปดูแทบช็อกพบร่างลูกสาวถูกล้อหลังด้านซ้ายทับศีรษะคาอยู่ โดยไม่รู้ว่าลูกออกมานั่งเล่นใต้ท้องรถตอนไหน จึงรีบขับรถเดินหน้าเรียกภรรยาที่อยู่ในบ้านพาลูกสาวไปส่งโรงพยาบาล
อุบัติเหตุสยองอีกราย เปิดเผยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.ต.พศวัต ศิริพรนพคุณ สารวัตรเวร สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุรถทัวร์ชนรถ จยย.มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณถนนสายบ้านบึง-แกลง บริเวณหน้าศูนย์โชว์รูมรถอีซูซุ หมู่ 7 ต.บ้านบึง จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบศพ ด.ญ.กุลอนันท์ มณฑา อายุ 8 เดือน สภาพนอนหงายศีรษะถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนกะโหลกยุบ เลือดไหลออกทางจมูก ใกล้กันพบรถ จยย.ซูซูกิ สีแดง สภาพเก่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มตะแคงอยู่ริมถนน บริเวณท้ายรถ จยย.มีรอยถูกชนจนพัง โดยมีขวดนม ถุงขนม และของใช้เด็กตกกระจายเต็มถนน
ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถทัวร์สายจันทบุรี-กรุงเทพฯ หมายเลขทะเบียน 12-5777 กรุงเทพมหานคร จอดชิดริมถนนด้านซ้ายหันหน้าไปทาง จ.ชลบุรี โดยมีนายไสว ต้มทอง อายุ 47 ปี คนขับรถทัวร์ ยืนรออยู่ข้างรถจึงคุมตัวไว้สอบสวน ขณะเดียวกัน ทราบจากชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน มีพลเมืองดี ช่วยนำส่งโรงพยาบาลบ้านบึงไปก่อนแล้ว ทราบชื่อนายเล็ก มณฑา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/3 หมู่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และนางเสือน ดวงใจ อายุ 39 ปี ทั้ง 2 เป็นพ่อและแม่ของ ด.ญ.กุลอนันท์ สภาพเนื้อตัวทั้งคู่ มีแผลถลอกเต็มไปหมด
ด้าน พ.ต.ต.พศวัต ศิริพรนพคุณ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพยาน ทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายเล็ก ขี่รถ จยย.คันดังกล่าวพานางเสือน ภรรยา ไป เยี่ยมลูกชายอีกคนที่นอนป่วยเป็นไข้เลือดออกอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านบึง โดยให้นางเสือนอุ้ม ด.ญ.กุลอนันท์ ลูกสาวคนเล็กนั่งซ้อนท้ายไปด้วย ระหว่างวิ่งไปตามถนนสายดังกล่าว ถึงที่เกิดเหตุนายเล็กเลี้ยวจากเลนซ้ายไปติดทางด้านขวาเพื่อจะตัดข้ามร่องถนนไปทางถนนฝั่งตรงข้ามเพื่อจะเลี้ยวไปทางซอยลัดเข้าตลาดบ้านบึง โดยมองไม่เห็นรถทัวร์ที่วิ่งตามหลังมาติดๆ ทำให้โชเฟอร์รถทัวร์รีบหักพวงมาลัยหลบจนเสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าก่อนแฉลบไปชนท้ายรถ จยย.อย่างจัง เป็นเหตุให้ 3 พ่อแม่ลูกกระเด็นตกรถ เคราะห์ร้ายศีรษะของ ด.ญ.กุลอนันท์กระแทกพื้นถนน สิ้นใจอนาถ
ต่อมาเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลบ้านบึงว่านางเสือน แม่ ด.ญ.กุลอนันท์ได้เสียชีวิตลงแล้ว เนื่องจากผลการเอกซเรย์ พบซี่โครงหักและอวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับญาติพี่น้อง
Subscribe to:
Posts (Atom)